DGB CLINIC
Typically replies in a few hours
Greeting from DGB CLINIC, May I help you?
Start Chat

ปากกาลดน้ำหนัก Saxenda

Attribute:

ปากกาลดน้ำหนัก หรือ ปากกาอิ่มทิพย์ เป็นปากกาสำหรับใช้ฉีดสารลิรากลูไทด์ ใช้เพื่อควบคุมความอยากอาหาร ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

Saxenda คืออะไร ?
     แซคเซ็นดา มีลักษณะคือเป็นด้ามปากกาสำหรับใช้ฉีดสารเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน สารภายใน คือ ลิรากลูไทด์เป็นสารออกฤทธิ์ ที่มีลักษณะคล้ายกับฮอร์โมนที่มีอยู่แล้วในร่างกายที่ชื่อว่า GLP-1 ซึ่งหลั่งออกมาจากลำไส้หลังจากรับประทานอาหาร ยาแซคเซ็นดา ออกฤทธิ์โดยการจับกับตัวรับในสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหารของท่าน แล้วส่งผลทำให้ท่านรู้สึกอิ่มและหิวน้อยลง ซึ่งอาจช่วยให้ท่านรับประทานอาหารน้อยลง และลดน้าหนักของท่านได้

Saxenda เหมาะกับใคร ?
    ❇️  ผู้ออกกำลังกายแต่น้ำหนักไม่ลง
    ❇️  ผู้ที่คุมอาหารไม่ได้ เลือกรับประทานไม่ได้
    ❇️  ผู้ที่ต้องการคุมอาหาร แต่ยังรู้สึกหิวบ่อย
    ❇️  ผู้ที่ชอบทานของทอด ของหวาน ของมัน
    ❇️  ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบไม่มีผลค้างเขียง ไม่โยโย่
    ❇️  ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย
    ❇️  ผู้ที่มีภาวะอ้วนน้ำหนักเกินมาตรฐาน
    ❇️  ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักและต้องการตัวช่วย
    ❇️  ผู้ที่พยายามลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นแล้ว แต่ไม่เห็นผล
    ❇️  ผู้ที่อยากดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
    ❇️  ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน


 Saxenda  ใช้เพื่ออะไร?
      แซคเซ็นดา ใช้สำหรับลดน้าหนัก ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่มี :

1. ดัชนีมวลกาย (BMI) เท่ากับ 30 หรือมากกว่า (ภาวะอ้วน) หรือ
2. ดัชนีมวลกาย (BMI) เท่ากับ 27 หรือน้อยกว่า 30 (ภาวะน้ำหนักเกิน)

     ค่าดัชนีมวลกาย Body Mass Index หรือเรียกย่อ ๆ ว่า BMI คือ ตัวชี้วัดมาตรฐานเพื่อประเมินสภาวะของร่างกายว่า มีความสมดุลของน้ำหนักตัวต่อส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ ค่า BMI สามารถใช้เป็นเครื่องมือคัดกรองเพื่อระบุผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือภาวะอ้วนและผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป 

สูตรคำนวณหาดัชนีมวลกาย
                       ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)
                                                       ส่วนสูง (เมตร)2

ตัวอย่าง
                       ถ้าคุณมีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม และสูง 155 ซม.

                        ดัชนีมวลกาย (BMI) =      60    
                                                      (1.55)*2
                   
                       ดัชนีมวลกาย (BMI) = 25.39  (ท่านอยู่ในภาวะอ้วน ระยะเริ่มต้น)

 หมายเหตุ ท่านจะใช้ยาแซคเซ็นดา ต่อได้ ก็ต่อเมื่อ น้ำหนักตัวของท่านลดลงอย่างน้อย ร้อยละ 5 ของน้ำหนักตอนเริ่มต้น หลังจากที่ได้รับยาในขนาด 3 มิลลิกรัม/วัน ครบ 12 สัปดาห์  หากน้ำหนักไม่ลดลงกรุณาปรึกษาแพทย์ของท่านก่อนที่ท่านจะใช้ยาต่อ

การอ่านค่าดัชนีมวลกาย - BMI

        น้อยกว่า 18.5 = ผอมเกินไป
       น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

       18.6 - 24 = น้ำหนักปกติ เหมาะสม 
       น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-24 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี


        25.0 - 29.9  อ้วน
        อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ

        30.0 ขึ้นไป = อ้วนมาก
        ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ปากกาลดน้ำหนัก

     1. แพทย์ห้ามใช้ปากกาลดน้ำหนักต่อเนื่องจนตลอดชีวิต
     2. หัวเข็มควรเอาออกหลังฉีด ป้องกันอากาศเข้า
     3. กรณีต้องใช้ระหว่างเดินทาง หรือนอกสถานที่ สามารถเก็บปากกาในแก้วเก็บความเย็นได้ โดยแยกใส่ภาชนะบรรจุต่างหาก และควรแยกหัวเข็มและตัวปากกาออกจากกัน
     4. ปากกาควบคุมได้ดี 12 ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องเน้นการฉีดเพื่อคุมอาหารมื้อหลัก
     5. ควรฉีดเวลาเดิมทุกครั้ง
     6. ห้ามอดอาหาร ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
     7. ทุก ๆ สัปดาห์จะได้รับการติดตามโดยทีมคุณหมอ (เพื่อการประเมิณเพิ่มหรือลดจำนวนโดสที่ใช้)
     8. ยังไม่เจอเคสที่เกิดอาการแพ้จนใช้ไม่ได้เลย แต่เจอแค่ร่างกายปรับตัวในระยะแรก 1 สัปดาห์

ผู้ที่ห้ามใช้  Saxenda 

1. ผู้ที่มีประวัติแพ้ ลิรากลูไทด์ , ไดโซเดียมฟอสเฟตไดไฮเดรต, โพรพิลีนไกลคอล, ฟีนอล, กรดไฮโดรคลอริก และโซเดียมไฮดรอกไซด์
2. ผู้ที่ป่วยหรือเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดที่เรียกว่า มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี หรือถ้าท่านมีโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบต่อมไร้ท่อที่เรียกว่า กลุ่มเนื้องอกของต่อมไร้ท่อหลายต่อมชนิดที่ 2
3. ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และมากกว่า 75 ปี
4. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือวางแผนตั้งครรภ์
5. ผู้ที่กำลังให้นมบุตร
6. ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบการทำงานของตับ ไต ลำไส้ และกระเพาะอาหาร
7. ผู้ที่มีปัญหากับการเต้นของหัวใจ มีภาวะหัวใจสั่น
8. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือกำลังใช้ยารักษาโรคเบาหวาน ต้องปรึกษาตามดุลพินิจของแพทย์เท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย

Q : ปากกาลดน้ำหนักปลอดภัยหรือไม่ ?
A :  ปากกาลดน้ำหนัก ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ว่ามีความปลอดภัย
      - เลขทะเบียนที่ 1C 15003/60 (NBC) ภายใต้แบรนด์ Saxenda นำเข้าจากประเทศ เดนมาร์ก ภายใต้บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด
      - จัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง โดย ดีจีบี คลินิก เวชกรรม ใช้ในการควบคุมน้ำหนักภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


Q : ปากกาลดน้ำหนัก 1 ด้าม ลดได้กี่กิโล
A :  สำหรับการลดน้ำหนักได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่ามีร่างกายตอบสนองมากน้อยแค่ไหน  คนไข้ปฎิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดหรือไม่
      แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ปากกา 1 ด้ามสามารถลดได้ 4-5 กิโลกรัม (ระยะเวลาการใช้ประมาณ 17 วัน) โดยจะเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่สัปดาห์แรก น้ำหนักจะลดลงประมาณ 0.5-3 กิโลกรัม สำหรับการใช้งาน 1 ครั้ง/วัน ในปริมาณโดสตามแพทย์แนะนำ

Q : อาการข้างเคียงที่พบได้ มีอะไรบ้าง?
A :  อาการโดยทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ รู้สึกไม่สบาย (คลื่นไส้) ไม่สบาย (อาเจียน) ท้องเสีย ท้องผูก ซึ่งปกติแล้วอาการเหล่านี้จะหายไปภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์

 
Q : ช่วงอายุที่สามารถใช้ปากกาลดน้ำหนักได้
A :  อายุที่เหมาะสมใช้ปากกาลดน้ำหนัก คือระหว่าง 18-75 ปี

 
Q : การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก ควรเก็บอย่างไร ?
A :   1. ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก
       2. เก็บในตู้เย็น ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
       3. ห้ามเข้าช่องแช่แข็ง เพราะโปรตีนจะสลายใช้ประโยชน์ไม่ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้